รีวิว The Big Short (2015) เกมฉวยโอกาสรวย

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีคน “มองเห็น” วิกฤตเศรษฐกิจที่โลกไม่อยากยอมรับ? The Big Short (2015) คือภาพยนตร์ที่กล้าพูดถึงความจริงเบื้องหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2008 ด้วยอารมณ์ขัน เสียดสี และความฉลาดล้ำจนคุณต้องอึ้ง!

ข้อมูลเบื้องต้น

  • ชื่อไทย: เกมฉวยโอกาสรวย
  • ชื่ออังกฤษ: The Big Short
  • ผู้กำกับ: Adam McKay
  • เขียนบท: Charles Randolph และ Adam McKay (จากหนังสือโดย Michael Lewis)
  • นำแสดงโดย: Christian Bale, Steve Carell, Ryan Gosling, Brad Pitt
  • แนวภาพยนตร์: ดราม่า / ชีวิตจริง / เสียดสีสังคม
  • ปีที่ฉาย: 2015
  • ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
  • คะแนน IMDb: 7.8 / 10 (ดูที่ IMDb)
  • รางวัล: ชนะรางวัลออสการ์ “บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม”

เรื่องย่อ (ไม่สปอยล์หนัก)

เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงก่อนปี 2008 เมื่อกลุ่มคนกลุ่มเล็ก ๆ ในวอลสตรีทรู้ว่า “ตลาดที่อยู่อาศัยของอเมริกา” กำลังจะล่มสลาย
พวกเขา — หมอจิตเวชผู้ชอบตัวเลข, นายธนาคารขี้โมโห, นักเทรดเลือดเย็น และอดีตโบรกเกอร์ผู้เบื่อระบบ —
ตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำ คือ “พนันว่าระบบการเงินโลกจะพัง”
แต่ระหว่างทาง พวกเขาต้องเผชิญความจริงว่า เบื้องหลังตัวเลขเหล่านั้นคือชีวิตคนจริง ๆ.


สปอยล์เนื้อเรื่องแบบละเอียด

Michael Burry (Christian Bale) ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่รักการวิเคราะห์ข้อมูล พบความผิดปกติในตลาดจำนอง
เขาพบว่าธนาคารปล่อยกู้ให้คนที่ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ (subprime loans) และเมื่อรวมกันเป็นพัน ๆ ดีล ก็กลายเป็น “ระเบิดเวลา” ของระบบเศรษฐกิจ
Burry จึงสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ชื่อว่า Credit Default Swap (CDS) เพื่อ “เดิมพันว่าระบบจะล้ม”.

อีกด้านหนึ่ง Mark Baum (Steve Carell) ทีมเทรดเดอร์ที่ไม่เชื่อระบบธนาคารใหญ่ เริ่มสืบลึกและพบว่าตลาดที่อยู่อาศัยถูกโกหกทุกระดับ
Ryan Gosling รับบท Jared Vennett นายธนาคารตัวแสบที่เห็นโอกาสรวยจากสิ่งนี้ และ Brad Pitt รับบท Ben Rickert นักลงทุนที่เคยเกษียณแต่กลับมาช่วยรุ่นน้องสองคนลงเงินเดิมพันกับตลาดล่ม.

ในปี 2008 ฟองสบู่แตก ตลาดบ้านล่มจริง ทุกอย่างที่พวกเขาพนันไว้ถูกต้อง — พวกเขาทำกำไรมหาศาล
แต่ขณะเดียวกัน ชาวอเมริกันนับล้านต้องสูญเสียบ้าน, งาน, และอนาคต
หนังจบด้วยการเฉลยว่า หลังเหตุการณ์นั้น ธนาคารใหญ่กลับ “รอด” และยังได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอีกด้วย
ระบบเดิมยังอยู่ และบางสิ่งก็ไม่เคยเปลี่ยน.


บทวิจารณ์

จุดแข็ง:

  • การกำกับของ Adam McKay กล้าฉีกขนบหนังการเงิน ด้วยการเล่าเรื่องแบบ “เข้าใจง่ายแต่คมกริบ”
  • การตัดต่อรวดเร็ว แทรกด้วยมุกอธิบายแนวสารคดี เช่น การให้ดารามาดังอย่าง Margot Robbie อธิบายศัพท์การเงินในอ่างฟองสบู่!
  • นักแสดงระดับรางวัลรวมพลังกันได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ Christian Bale ที่ถ่ายทอดอัจฉริยะผู้แปลกแยกได้สมจริง
  • หนังทั้งสนุกและชวนคิด ตั้งคำถามเรื่อง “ศีลธรรมในโลกทุนนิยม” ได้อย่างเจ็บแสบ

จุดอ่อน:

  • ศัพท์ทางการเงินบางช่วงยังซับซ้อนสำหรับผู้ชมทั่วไป
  • โทนหนังผสมระหว่างสารคดีกับดราม่า ทำให้บางช่วงรู้สึกกระโดดทางอารมณ์

โดยรวม The Big Short คือหนังที่ “ฉลาด สนุก และบาดลึก”
มันไม่ใช่แค่เรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่งที่มองเห็นอนาคต แต่มันคือภาพสะท้อนของโลกที่คนฉลาดกลายเป็นคนบาป —
และคนโง่ต้องรับผลกรรมของระบบที่พวกเขาไม่เข้าใจ.


ตัวอย่างภาพยนตร์จาก YouTube

ที่มา: YouTube – The Big Short (2015) Official Trailer


สรุป

The Big Short (2015) คือหนังที่ทั้งเปิดโปงและให้ความรู้ มันเล่าถึงวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์โลก
ผ่านมุมมองของคนที่กล้า “ขัดกระแส” และชี้ให้เห็นว่าระบบที่เราคิดว่าปลอดภัย…อาจถูกโกหกตั้งแต่ต้น
นี่คือหนังที่ดูสนุก แต่จบแล้วคุณจะรู้สึกขมขื่น — เพราะทุกอย่างในเรื่อง “เกิดขึ้นจริง”.

Author: lootee

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *